ไหนใครว่ากรมปศุสัตว์ปราบปรามเข้มแข็ง เข้มงวด ตรวจสอบ จับกุม “หมูเถื่อน” ลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายจากทุกซอกมุม แต่ไฉนสื่อตีพิมพ์ล่าสุดอ้างคนในวงการผู้เลี้ยงหมู เล่าว่า หมูเถื่อนทะลักเข้าประเทศจากทุกทิศทุกทาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขายเกลื่อนตามตลาดราคาถูก 135-145 บาท/กก. เทียบหมูไทยเนื้อแดงที่ราคา 200 บาท/กก. ย่อมล่อใจร้านข้าวแกง-หมูกระทะแห่ซื้อมาลดต้นทุนในช่วงที่หมูในประเทศผลผลิตน้อยและราคาสูง เพื่อดึงดูดผู้บริโภคโดยไม่ปรับราคา
เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ภาครัฐบุกจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์และชิ้นส่วนที่ผิดกฎหมายจากต่างประเทศที่ไม่มีเอกสารการเคลื่อนย้ายหรือขออนุญาต โดยสำแดงเท็จนำเข้าว่าเป็นสินค้าอื่น เช่น อาหารทะเล ในจังหวัดหนองคายและสมุทรสาคร มีการยึดซากสัตว์ผิดกฎหมายมากกว่า 60,000 กิโลกรัม นี่เพียงส่วนหนึ่ง รวมกับช่วงต้นปีที่ยึดเป็นแสนๆ กิโลกรัม
โบราณว่า “อย่าฟังความข้างเดียว” วันนี้เกษตรกรออกมาแฉผ่านสื่อใหญ่ ว่า “หมูเถื่อน” ผิดกฎหมายทำกันเป็นขบวนการใหญ่โดยสำแดงเท็จเลี่ยงภาษีผ่านหลายช่องทาง เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง หรือ ลักลอบนำเข้ามากับเรือประมงผ่านชายแดนเพื่อนบ้านมาขึ้นฝั่งที่ภาคใต้ หลังจากนั้น ให้โรงเชือดสวมใบอนุญาตชำแหละ ฟอกให้สะอาดเป็นหมูไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้โรงเชือดรับซื้อหมูจากฟาร์มลดลง ผลกระทบตกหนักกับผู้เลี้ยงหมูในประเทศ
กรมปศุสัตว์อยู่หนใดจึงตรวจสอบไม่เจอ…แสดงว่าพ่ายแพ้หรือตามไม่ทันเกมส์ของ “แก๊งค์ไอ้โม่ง” เพราะจับได้ทีไรได้แต่ยึดของกลาง แต่หาคนทำผิดไม่เจอสักครั้งเดียว ขอให้ย้อนกลับไปดูข่าวกันให้ละเอียด ให้สงสัยว่ามีการหลิ่วตาให้กันหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่ตรวจเจอเหตุผลที่ได้รับเหมือนกันเกือบทุกครั้งว่าสำแดงเท็จหรือไม่มีใบอนุญาตนำเข้าตามกฎหมาย หรือไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้าย เป็นงง..และสงสัย ว่า วิธีการตรวจสอบและปล่อยผ่านสินค้าของกรมศุลกากรที่เชี่ยวชาญที่สุดแล้วยังเล็ดลอดมาได้ ถ้าเป็นสินค้าชิ้นเล็กชิ้นน้อย นำเข้าจำนวนน้อยนิด ก็พอเข้าใจได้ แต่นี่ครั้งละเป็น 10,000 กิโลกรัม ลอดผ่านช่องไหนมา?
ภาครัฐย่อมทราบดี ในสถานการณ์ที่ผลผลิตมีน้อยกลไกตลาดทำงานสมบูรณ์ราคาสินค้าต้องสูงแน่นอน คนฉ้อโกงย่อมฉวยโอกาสทำกำไรเข้ากระเป๋าด้วยการลักลอบนำเข้าหมูผิดกฎหมาย ที่ราคาถูกกว่าราคาในประเทศมาก เทียบข้อเท็จจริงราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มของไทยอยู่ 100 บาท/กก. ผ่านโรงเชือดจนถึงมือผู้บริโภคราคาจะอยู่ราว 200-230 บาท/กก. (ขึ้นกับชิ้นส่วนต่างๆ) แต่หมูเถื่อนขายเพียง 135-145 บาท/กก. ราคาล่อใจ กำไรหนักๆ เป็นเขียงหมูตลาดไหน ร้านหมูกระทะทั่วไทย ก็ต้องซื้อหามาลดต้นทุน
สำคัญที่สุด คือ การลักลอบนำเข้านี้ส่งผลร้ายกับคนไทยทั้งแผ่นดินเพราะหมูเถื่อนเหล่านี้ นำเข้ามาจากประเทศที่ยังอนุญาตให้ใช้สารเร่งเนื้อแดงซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เช่น บราซิล เยอรมันนี สเปน ขณะที่ไทยโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงตั้งแต่ปี 2545 ตามด้วยกระทรวงสาธารณสุขประกาศห้ามใช้เด็ดขาดตามมาในปี 2546 เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน
นอกจากนี้ การเพิ่มผลผลิตหมูให้กลับมาเหมือนเดิม ราคาจะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรกล้านำหมูรอบใหม่เข้าเลี้ยง หลังเสียหายจากโรคระบาด ASF ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผู้เลี้ยงหมูยังแบกภาระปัจจัยการผลิตด้านต้นทุนราคาพลังงานและวัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่งจากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่หมูเถื่อนกลับมาบิดเบือนกลไกตลาด ด้วยการดั๊มพ์ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เยี่ยงนี้เกษตรกรไทยจะอยู่ได้อย่างไร
กรมปศุสัตว์ รวมทั้งฝ่ายสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ควรจะจัดตารางตรวจสอบจังหวัดต่างๆที่เป็นพื้นที่เป้าหมายกวาดล้างอย่างจริงจัง เช่น สมุทรสาคร นครปฐม สมุทรปราการ หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี และลามลงไปถึงชายฝั่งทะเลตอนใต้แล้ว เห็นได้ว่าขบวนการลักลอบไม่ละความพยายามทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐยิ่งต้องแข็งแกร่ง อย่าผ่อนแรงหรือผ่อนคลายความเข้มงวดเด็ดขาด หากต้องปูพรมตรวจสอบต้องไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมใดทั้งนั้นรักษาหน้าที่ให้มั่นคง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติและดูแลคนไทยอย่างยั่งยืน.
โดย : อัปสร พรสวรรค์