ข่าว (News) สุกร (Pig)

กรมศุลฯ ประกาศจากนี้ไม่มี “หมูเถื่อน” เข้าไทยอีก

กรมศุลกากร ประกาศจากนี้ไม่มีหมูเถื่อนเข้าไทย แต่อย่าลืมห้าม Re-Export ต้องอายัดและส่งทำลายเท่านั้น

เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเรียกร้องรัฐจัดการปัญหาหมูเถื่อนให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อยุติวงจรหมูเถื่อนที่ทำลายตลาดและทำร้ายสุขภาพคนไทยมานานกว่าปี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ กระทั่งในที่สุดเกษตรกรตัดสินใจรวมตัวกันกว่า 2,000 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมศุลกากร เพื่อขอความช่วยเหลือก่อนล่มสลาย ล่าสุด ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนำกลุ่มเกษตรกรเข้าร้องเรียนต่อ DSI เพื่อจัดการปราบโกงหมูเถื่อนในวงราชการ

ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกรมศุลกากร ในการจัดการปัญหาการลักลอบนำเข้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง หลังช่วงที่ผ่านมามีการตรวจพบหมูเถื่อนในตู้ตกค้างถึง 161 ตู้ จำนวน 4.5 ล้านกิโลกรัม โดยกรมศุลฯ ได้ปรับเปลี่ยนวิธีตรวจสอบตู้สินค้าอาหารแช่แข็งให้เป็นกลุ่ม Red Line หรือกลุ่มสินค้าที่ต้องเปิดตรวจทั้งหมด เพื่อลดโอกาสที่หมูเถื่อนจะหลุดรอดเข้าสู่ประเทศไทย นอกจากนี้ยังยกระดับคณะทำงานการแก้ปัญหาหมูเถื่อน ขึ้นเป็นระดับ “กรมต่อกรม” โดยมีตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนกรมศุลกากร ตัวแทนกรมปศุสัตว์ ตัวแทนกรมการค้าภายใน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน

“นับจากนี้หมูเถื่อนจะไม่หลุดเข้าสู่ประเทศอีก” เป็นคำประกาศสำคัญของอธิบดีกรมศุลกากรกลางที่ประชุมคณะทำงานดังกล่าว นับเป็นคำประกาศที่ชโลมใจเกษตรกรคนเลี้ยงหมูได้ทั้งประเทศ หากแต่เท่านี้อาจยังไม่พอ เพราะถ้ากรมศุลฯ ผลักดันให้ขนหมูเถื่อนกลับประเทศต้นทาง กลุ่มมิจฉาชีพจะใช้วิธีย้ายเส้นทางขนส่งออกไปขึ้นฝั่งที่ประเทศเพื่อนบ้าน แล้ววกกลับเข้ามาประเทศไทยทางด่านชายแดนจังหวัดต่างๆ แทน ดังที่ได้เห็นการจับกุมหมูเถื่อนในจังหวัดต่างๆ หลายครั้ง ดังนั้น กรมศุลฯ ควรห้ามการ Re-Export ด้วย โดยงดเว้นการผลักดันหมูเถื่อนกลับประเทศต้นทาง แต่ต้องอายัดและส่งทำลาย เนื่องจากเป็นสินค้าผิดกฎหมายแล้ว

ขณะเดียวกัน การฝังทำลายหมูเถื่อนทั้งหมด 161 ตู้ หรือ 4.5 ล้านกิโลกรัม และ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบตู้ตกค้างอีก 100 ตู้ ณ ท่าเรือฮัทชิสันนั้น ควรต้องมีคณะทำงานที่ประกอบด้วยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร ตำรวจ DSI ฯลฯ เข้ามาเป็นสักขีพยาน ให้การทำลายหมูทั้งหมดเต็มไปด้วยความโปร่งใส

สำหรับในส่วน DSI ที่ได้รับหลักฐานหลายอย่างที่เกี่ยวข้องการทุจริตจากนายอัจฉริยะแล้ว อาทิ การปลอมแปลงเอกสาร การหลบเลี่ยงภาษี เพื่อนำไปพิจารณารับหมูเถื่อนเป็นคดีพิเศษนั้น ก็ได้ขอความร่วมมือเพิ่มเติมจากประชาชนที่พบเห็นสถานที่จัดเก็บสินค้าชิ้นส่วนสุกรที่สงสัยว่าจะเป็นแหล่งพักสินค้าเนื้อสุกรราคาถูกผิดปกติ ร้านอาหารที่มีบรรจุภัณฑ์เข้าลักษณะต้องสงสัยว่าเป็นสินค้าเนื้อสุกรนำเข้าจากต่างประเทศ โดยให้ส่งหลักฐานไปที่ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.กองคดีภาษีอากร (ดูแลคดีหมูเถื่อน) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โทร.0-2831-9888 อีเมล์ dsi@dsi.go.th และ tanin@dsi.go.th ซึ่งสะท้อนให้เห็นความตั้งใจในการช่วยเหลือเกษตรกรคนเลี้ยงหมู และคนไทยทั่งประเทศให้ปลอดภัยจากหมูเถื่อน ในการปราบทุจริตในวงราชการ ซึ่งเป็นอีกหน้าที่หลักของ DSI

เพราะเพียงแค่การหลบเลี่ยงภาษีในระยะ 4 เดือนที่ผ่านมา ด้วยการปลอมแปลงเอกสารและสำแดงเท็จ ก็ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไปแล้วมหาศาลนับหมื่นล้านบาท เช่น หากสำแดงว่าเป็นสินค้าเนื้อสัตว์จะเสียภาษีที่กิโลกรัมละ 7 บาท ใน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ บรรจุเนื้อสัตว์น้ำหนัก 25 ตัน ต้องเสียภาษีตู้ละกว่า 175,000 บาท และต้องขอใบอนุญาตนำเข้าและตรวจโรคจากกรมปศุสัตว์ 50,000 บาท แต่หากสำแดงเท็จเป็นสินค้าอื่น ขบวนการนี้จะเสียภาษีเพียง 3,000 บาทเท่านั้น

การขจัดทุจริตคอรัปชั่นในวงราชการ เป็นหัวใจสำคัญในการกำจัด ขบวนการหมูเถื่อน ให้หมดไปจากประเทศไทย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง ช่วยกันตอกย้ำให้โลกรู้ว่า “มิจฉาชีพ” ไม่มีทางลอยนวล.

โดย วลัญช์ ศรัทธา

Pasusart News
No.1 Livestock Online Magazine in Thailand
https://pasusart.com