จากกระแสข่าวที่พูดถึงกันหนาหูว่า หากจะ “ขายไข่” ต้องมีใบอนุญาต หากไม่มีใบอนุญาตจะมีโทษ “ทั้งจำทั้งปรับ ไม่เกิน 10,000 บาท”
เรื่องแบบนี้ทำให้พ่อค้าแม่ขายรายย่อยที่ค้าขายไข่ตกอกตกใจ ส่วนคนทั่วไปก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา และตั้งข้อสงสัยกันเป็นอย่างมาก
มาดูคำอธิบายกัน….
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการประชุมหารือเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการขอใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ (การเคลื่อนย้ายไข่เพื่อการบริโภค) เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เนื่องจาก “ไข่” ถือเป็นซากสัตว์ตามกฎหมาย ซึ่งอาจปนเปื้อนเชื้อโรคและแพร่ขยายต่อไปได้
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดสัตว์ ซึ่งอาจแพร่ไปสู่คน โดยเฉพาะโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก (นก เป็ด ไก่ ห่าน) และโรคติดต่ออื่น ๆ จึงต้องมีระบบตรวจสอบคุณภาพของไข่ ตั้งแต่แหล่งที่มา กระบวนการผลิต ไปจนถึงขั้นตอนการส่งต่อให้แก่ผู้บริโภค เพื่อออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ค้า
มาตรา 24 ของ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ กำหนดให้ผู้ค้าไข่ต้องมีใบอนุญาต หากไม่มีจะมีโทษตามมาตรา 66
แต่กรมปศุสัตว์ได้ออกหลักเกณฑ์บังคับใช้เฉพาะกับผู้ค้าคนกลางรายใหญ่ หรือ ล้งไข่ ซึ่งรวบรวมไข่จากฟาร์มไปจำหน่ายแก่ผู้บริโภคก่อน เพราะเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคจำนวนมาก โดยหากผู้ค้ามีใบอนุญาตค้าไข่อย่างถูกต้องแล้ว ก็สามารถนำไปเป็นหลักฐานเพื่อขอรับบริการต่าง ๆ ของกรมปศุสัตว์ได้
ส่วนผู้ค้ารายย่อย เช่น ร้านขายของชำ ร้านค้าแผงลอยหรือพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความกังวลกันนั้น ยังไม่มีการออกหลักเกณฑ์ว่าต้องขอใบอนุญาตแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จึงกำลังศึกษาข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำไปกำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน และสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่สังคมต่อไป
บทสรุปปิดท้าย…อยากขอความร่วมมือประชาชนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ก่อนจะเชื่อหรือแชร์ข้อมูลข่าวสารใด ๆ เพื่อลดปัญหาความสับสนหรือตื่นตระหนกที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
สำหรับประชาชนหรือผู้ประกอบการที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับใบอนุญาตค้าไข่ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ โทร 0 2501 3473 – 5 ต่อ 106
———————-
ภาพ / ข่าว : กลุ่มสื่อสารเชิงกลยุทธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ที่มา : รัฐบาลไทย ข่าวทำเนียบรัฐบาล