แหล่งข่าวจากแวดวงผู้ผลิตอาหารสัตว์เผย ขณะนี้ไม่สามารถหาซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ โดยพบภาวะผิดปกติของปริมาณข้าวโพดในตลาด ซึ่งดันราคาพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งๆที่ข้าวโพดทั้งหมดอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางหมดแล้ว ซ้ำเติมสถานการณ์วัตถุดิบราคาพุ่งจากสงครามยูเครนที่ส่งผลวัตถุดิบขึ้นราคาทุกตัวอย่างมาก แม้แต่มันสำปะหลังซึ่งไม่ใช่วัตถุดิบหลักยังขึ้นถึง 6.55%
“ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ 13 บาท/กก.แล้ว ถือว่าสูงที่สุดในรอบหลายสิบปี หรือสูงขึ้นกว่า 30% จากปี 2564 ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 10.05 บาท/กก จริงอยู่ว่าส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์วัตถุดิบโลก แต่ในขณะนี้มีข้อสังเกตว่า พฤติกรรมการซื้อขายข้าวโพดในตลาดไม่เป็นปกติ ทั้งยังมีการเรียกราคาเพิ่มเติมจากราคาข้าวโพดที่ประกาศรับซื้อด้วย สัญญาณนี้บ่งบอกถึงการกักตุนสินค้าและข่มขู่ ทางที่ดีกระทรวงพาณิชย์ควรทำการตรวจสอบปริมาณสต็อกของพ่อค้าคนกลางโดยด่วน เพื่อดูความเคลื่อนไหวของสินค้า และจัดการพ่อค้าที่ฉวยโอกาสทำกำไรในสภาวะการณ์ที่ราคาวัตถุดิบสูงเช่นนี้” แหล่งข่าวกล่าว
ขณะที่ปัจจุบันไม่มีข้าวโพดในมือเกษตรกรแล้ว ผลผลิตทั้งหมดถูกเก็บเกี่ยวและขายเข้าสู่สต็อกของพ่อค้าคนกลางแล้ว แต่ปริมาณข้าวโพดในตลาดกลับมีน้อยผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับผลผลิตที่พ่อค้ารับซื้อจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ดันให้ราคาพุ่งขึ้นทุกวัน เป็นสัญญาณเตือนพฤติกรรมการกักตุนสินค้า ทั้งยังกดดันผู้ผลิตอาหารสัตว์ให้ต้องจ่ายราคาพิเศษเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ผลิตอาหารสัตว์และเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่กำลังเดือดร้อนในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้สามารถพิสูจน์ทราบได้จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของสต็อกสินค้าข้าวโพดของพ่อค้าคนกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ไม่เพียงราคาข้าวโพดแต่วัตถุดิบทุกตัวล้วนมีราคาสูงขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกากถั่วเหลืองขึ้นไปถึง 22.50 บาท/กก. ราคาปลายข้าวอยู่ที่ 12.50 บาท/กก. หรือแม้แต่ราคามันสำปะหลังยังขึ้นไปอยู่ที่ 8.30 บาท/กก.สูงขึ้นจากปี 64 ถึง 6.55% ขณะที่วัตถุดิบอีกหลายตัวก็ทยอยปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 65 นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ออกมาให้ข่าวว่าราคามันสำปะหลังลดลง 20 สตางค์/กก.นั้น สวนทางกับข้อเท็จจริงที่ผู้ผลิตอาหารสัตว์ต้องจ่ายราคามันสำปะหลังแพงขึ้นจากวันที่ 9 มีนาคม 65 ถึง 10 สตางค์/กก. หรือ สูงขึ้นถึง 6.55% เมื่อเทียบกับปี 64 โดยไม่ทราบว่าส่วนต่างที่เกิดขึ้นนั้นไปตกอยู่ที่ใคร หรือเป็นเพียงการให้ข่าวคลาดเคลื่อน
“ขณะนี้เราอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติเข้าขั้นวิกฤต หากปล่อยไว้จะวิกฤตทวีคูณยิ่งขึ้นไป และเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหารในไม่ช้า รัฐควรเร่งตรวจสอบสต็อกข้าวโพดในประเทศก่อนโดยด่วน ขณะเดียวกันต้องเร่งยกเลิกมาตรการที่สร้างอุปสรรคในการจัดหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพื่อบรรเทาและชลอเวลาการเกิดวิกฤตความมั่นคงทางอาหาร” แหล่งข่าวกล่าว