ข่าว (News) นานาปศุสัตว์ (Animal News)

ไบโอซายน์ “BIS” ผู้นำเข้าวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์สัตว์ รายแรกในตลาดหุ้นไทย – ปศุศาสตร์ นิวส์

“BIS” ผู้นำเข้า วัคซีน ยาและเวชภัณฑ์สัตว์ โชว์กำไรเติบโตสูงสวนทางอุตสาหกรรมหุ้นวัคซีนและ ยาสัตว์ รายแรกในตลาดหุ้นไทย เข้าเทรดในตลาดหุ้น mai แล้ว ในวันที่ 5 เดือน 5 ที่ผ่านมา กระแสตอบรับน่าพอใจ ผู้บริหาร BIS มั่นใจ เร่งพัฒนาวัคซีนสัตว์ ตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทไบโอเท็คระดับอาเซียน

บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ผู้นำธุรกิจ วัคซีน ยาและเวชภัณฑ์สัตว์แบบครบวงจร เข้าเทรดแล้ว วันที่ 5 เดือน 5 กระแสตอบรับน่าพอใจ เป็นหุ้นวัคซีนและ ยาสัตว์ รายแรกในตลาดหุ้นไทย มั่นใจธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เตรียมขยายกิจการทั้งปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง เริ่มขายอาหารสุนัข-แมว แบรนด์ดัง ดันยอดขายโตแรง ชูศักยภาพแกร่งเชี่ยวชาญด้านยา และวัคซีนสัตว์แบบครบวงจร พร้อมขยายตลาดปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง ทั้งในไทยและอาเซียน

นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทไบโอซายน์ เป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงของคนไทย ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากบริษัทผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ระดับนานาชาติจำนวนมากอย่างต่อเนื่องกว่า 18 ปี อีกทั้งบริษัทฯ เป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์หลากหลายแบรนด์ โดยมีโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตนเองที่ได้มาตรฐานสากล บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพสัตว์ครบวงจร  คือ

1.ผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health Product)

2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product)

3. ผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic Product)

4. ผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับสัตว์ (Complete Feed Product)

5. ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient Product)

6. ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยบริษัทฯ มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนมากในอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารสูงติดอันดับโลก

ปัจจุบัน รายได้หลักประมาณ 80% ของบริษัทฯ มาจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรมอาหาร และประมาณ 20% ของรายได้มาจากธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงซึ่งมีการเติบโตสูง โดยบริษัทฯ คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่ประเทศไทยเปิดเมือง ทำให้มีการบริโภคอาหารและเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้น และการส่งออกอาหารเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีรายได้จากชุดตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (African swine fever : ASF) เติบโตเพิ่มขึ้น 10 เท่า จากนโยบายการตรวจเชิงรุกของลูกค้าภาคเอกชนรายใหญ่ ฟาร์มรายใหญ่และรายย่อยในปี 2564 และคาดว่าจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ยา วัคซีน และเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์และสัตว์เลี้ยงซึ่งจะขยายตัวตามสภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัว โดยบริษัทฯ เตรียมลงทุนเพื่อผลิตสินค้าแบรนด์ของบริษัทฯ เอง เพื่อเพิ่มรายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product) และลงทุนเพิ่มเติมในการพัฒนาวัคซีนสำหรับสัตว์เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ทดแทนการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ”

“BIS มีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง แม้ในปี 2564 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมปศุสัตว์ประสบปัญหา โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF อย่างรุนแรง ทำให้มีสุกรตายจำนวนมาก จนกระทบต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรม โดย BIS มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 1,987 ล้านบาท และ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 69 ล้านบาท จากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 1,784 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท โดยมีรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ ชุดตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF และ ชุดตรวจโควิด -19 แบบ RT PCR เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 กลุ่ม เป็นนวัตกรรมที่ BIS ได้พัฒนาขึ้นร่วมกับพันธมิตรด้านการวิจัย-พัฒนา โดยเริ่มวางตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา และสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างสูง และ คาดว่าในปีนี้กลุ่มชุดตรวจโรคน่าจะมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ เพราะสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) ยังทรงตัวอยู่ จึงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health Product) และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product) ซึ่งเป็น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อย่างมากเช่นกัน”

“ในตลาดสัตว์เลี้ยง BIS ได้เซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายอาหารสุนัขระดับโลก แบรนด์ Pedigree และอาหารแมว แบรนด์ Cesar ให้กับกลุ่มบริษัท มาร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่มกราคมปีนี้ โดยมุ่งทำตลาดในกลุ่มโรงพยาบาลสัตว์ และคลินิครักษาสัตว์ทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง และคาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ด้านรายได้รวมผู้บริหารมองว่า รายได้รวมน่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกขยายตัวดีขึ้น การเปิดเมืองช่วยเพิ่มการผลิตและบริโภคเนื้อสัตว์ ส่วนรายได้จากกลุ่มชุดตรวจโรคสัตว์คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะมีความจำเป็นต่อฟาร์มปศุสัตว์ในการป้องกันการระบาดของโรค นอกจากนี้ BIS ยังได้ปัจจัยหนุนจากกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยงซึ่งคาดว่ายอดขายแบรนด์ Pedigree และ Cesar จะทำให้ยอดขายกลุ่มสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างมีนัยยะ ซึ่งด้วยปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้น ผู้บริหารตั้งเป้าว่ารายได้รวมน่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2564 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20”

กลุ่มไบโอซายน์ (BIS) มีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่ง ในผู้นำอุตสาหกรรมไบโอเท็ค ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม New S Curve ของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนสัตว์ จำหน่ายวัคซีนและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร ให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของไทย และมีมูลค่าตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานชีวอนามัยที่สูงและเข้มงวดยิ่งขึ้น ในสภาวะที่โลกเผชิญกับโรคระบาดทั้งในสัตว์และในคน ธุรกิจจำหน่ายยา วัคซีนและเวชภัณฑ์ของ บริษัทฯ จึงมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอาหารมากขึ้นตามลำดับ

BIS เข้าเทรดวันแรกเปิดแรง 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 83% จากราคาไอพีโอ 6.00 บาทต่อหุ้น สูงสุด 11.20 บาท กระแสตอบรับดีเยี่ยม ตอกย้ำศักยภาพแกร่ง หุ้นวัคซีนและ ยาสัตว์ รายแรกในตลาดหุ้นไทย มั่นใจธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เตรียมขยายกิจการทั้งปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง

Pasusart News
No.1 Livestock Online Magazine in Thailand
https://pasusart.com