ข่าว (News) สัตว์เคี้ยวเอื้อง (Ruminant)

ด่านจีน-ลาว เปิดแล้ว!! โอกาสส่งออกโคเนื้อไทยไปจีน

นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคของไทย ซึ่งขณะนี้ด่านจีน-ลาว ได้ทำการเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อปลายเดือนมกราคมของปีนี้ ทางการของจีนร่วมมือกับรัฐบาลลาวกำหนดเขตปลอดโรคระบาด FMD (ปากและเท้าเปื่อย) ทำให้หลายๆ ฝ่ายมองว่าอีกไม่นานก็จะมีการอนุญาตให้มีการนำโคเนื้อมีชีวิตเข้าประเทศจีนได้

น.สพ.คมกริช บุญขจร ผู้จัดการสาขาในจีน เครือเวทโปรดักส์ เผยถึงความต้องการของผู้บริโภคในประเทศจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี อยู่ที่ประมาณ 9 ล้านตัน/ปี สามารถผลิตเองได้ 6.7 ล้านตัน/ปี และนำเข้าในรูปแบบเนื้อแช่แข็ง 2.2 ล้านตัน/ปี จากประเทศอาร์เจนตินา บราซิล และออสเตรเลีย ส่วนการนำเข้าวัวมีชีวิตยังถือว่าน้อย เฉลี่ยปีละ 250,000-300,000 ตัว/ปี

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ฝ่ายการเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ได้ออกประกาศข้อกำหนดการกักกันสุขอนามัยสำหรับโคเนื้อเพื่อการเชือด จากประเทศลาว โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการออกข้อกำหนดร่วมกัน ซึ่งข้อกำหนดต่างๆ สามารถนำวัวจากประเทศลาวเข้าสู่ประเทศจีนได้

และปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางกรมศุลกากรจีนได้มีการประกาศให้ เมืองสิงห์ แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งมีชายแดนติดกับสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เป็นเขตปลอดโรคระบาด FMD โดยทางฝั่งจีนและฝั่งลาวได้ร่วมกันกำหนดทั้งหมดเขต 3 เขตด้วยกัน คือเขตปลอดโรคระบาด FMD จะมีการสร้างคอกกักกันสัตว์  โดยให้อยู่ในพื้นที่ชั้นใน โดยมีเขตรัศมี 3กม. รอบเขตปลอดโรคระบาดตั้งให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุม และรัศมี 47 กม.รอบๆ พื้นที่ควบคุมจะเป็นพื้นที่ที่ใช้เลี้ยงโคขุน ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียว โดยจะมีการตรวจสุขภาพภูมิคุ้มกันของสัตว์ ก่อนจะนำวัวเข้าไปอยู่ในสถานที่กักกันที่ปลอดโรคระบาด และกักวัวไว้ประมาณ 30 วัน ก่อนที่จะผ่านเข้าไปยังชายแดนของประเทศจีนทางด่านเหมิงหม่าน หลังจากข้ามชายแดนไปแล้วก็จะมีการกักโรคในประเทศจีนอีกประมาณ 7 วัน ก่อนที่จะส่งเข้าโรงเชือด

โดยนโยบายของจีนค่อนข้างชัดเจนมากในเรื่องของความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้าน ได้เกิดโครงการขึ้นมาก็คือ “โครงการโคเนื้อเพื่อการค้า แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เป็นการรับซื้อวัวเนื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงประเทศในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการบริหารจัดการในเรื่องของโรคระบาดสัตว์เป็นอย่างดี จะตั้งเขตสิบสองปันนาเป็นจุดที่นำเข้าวัว โดยจะมีทั้งโรงเชือด โรงแปรรูป รวมถึงตั้งเป็นจุดกระจายสินค้าของประเทศ โดยมีเป้าหมายการนำเข้าโคมีชีวิต 500,000 ตัว/ปี

เงื่อนไขในการนำเข้ามีดังต่อไปนี้

1.เป็นวัวสายพันธุ์ลูกผสมพื้นเมือง แองกัส, ชาร์โรเล่ส์, บราห์มัน, ซิมเมนทอล, แบรงกัส หรือพันธุ์พื้นเมืองของไทย ลาว อินเดีย และเป็นโคที่มีมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 350-400 กิโลกรัม

2.มีความแข็งแรง เนื้อเต็ม กล้ามเนื้อแน่น แผ่นหลังมีเนื้อเต็ม ผิวลื่นสวย ไม่มีแผลลึก

3.ปลอดโรค FMD และโรคติดต่ออื่นๆ

4.ห้ามให้อาหารและน้ำเยอะเกินไป ห้ามให้เกลือเยอะเกินไป และห้ามให้อาหารที่ย่อยยาก ปลอดสารเร่งเนื้อแดง ไม่ใช้โกรทฮอร์โมนและผ่านการตรวจคัดกรองโรค FMD จะต้องเป็นไปตามกฎของรัฐบาลจีน

5.มีเอกสารใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin)

ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้เริ่มต้นแล้ว แต่ยังมีจำนวนวัวน้อย คาดว่าเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะมีปริมาณที่มากขึ้น สำหรับวัวเนื้อของไทย อาจขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสปป.ลาว สำหรับอุปสรรคหรือปัญหาที่กังวลในการค้าขาย ช่วงแรกอาจะมีข้อติดขัดบ้าง เนื่องจากต้องให้เวลาเรียนรู้ข้อกำหนดของแต่ละฝ่ายว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้ตรงกับข้อกำหนดที่วางไว้

สำหรับการเตรียมความพร้อมของเกษตรกรไทย คือสายพันธุ์วัวต้องให้ตรงกับความต้องการของจีน เตรียมความพร้อมด้านการเลี้ยงการจัดการให้ได้คุณภาพตรงตามกำหนด การเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกไปยังประเทศลาว จัดเตรียมเรื่องการตรวจโรคต่างๆ รวมถึงการคำนวณเรื่องการขนส่งจากไทยไปลาวเป็นต้น ถือเป็นโอกาสที่ดีของไทย

ขอขอบคุณ : น.สพ.คมกริช บุญขจร Country Manager, Vet Products China / ไชน่าพารวย

Pasusart News
No.1 Livestock Online Magazine in Thailand
https://pasusart.com