กรมการค้าภายในเบรค!! ราคาปลีกเนื้อแดง ส่งผลหมูหน้าฟาร์มยืนสัปดาห์หน้า แนวโน้มดีขึ้นหลังสังคมรับรู้และกิจกรรมของผู้เลี้ยงเอง
21 กันยายน 2568 สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ – กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มีสายตรงถึงห้างค้าส่งค้าปลีกชั้นนำ เร่งเบรคราคาจำหน่ายปลีกไม่ให้ต่ำกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม และขอให้ช่วยพยุงราคาขึ้นมา ให้สะท้อนต้นทุนหลังจากผู้เลี้ยงขาดทุนตัวละ 2,500 – 3,000 บาท ในช่วง 2 สัปดาห์ของเดือนกันยายน
ต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประสานตรงถึงห้างค้าส่ง ค้าปลีกชั้นนำ เร่งเบรคราคาจำหน่ายปลีกไม่ให้ต่ำกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม โดยขอให้ช่วยพยุงราคาขึ้นมา ให้สะท้อนต้นทุนการเลี้ยงที่ยังคงสูงมาก และยังมีปัญหาโรคสุกรอย่างต่อเนื่องแม้ปัจจุบันระบบความปลอดภัยทางชีวภาพดีขึ้นมากในวงกว้าง ราคาสุกรขุนในช่วง 2 สัปดาห์ของเดือนกันยายนลดลงอย่างหนัก ในขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าราคาหน้าฟาร์มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ในขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสุกรจากการวิเคราะห์ของคณะอนุกรรมการต้นทุนการผลิตสุกร ไตรมาส 3 กรณีซื้อลูกสุกรเข้าขุนทะลุ 80 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากช่วงลงลูกสุกรขุนเป็นช่วงที่ลูกสุกรมีราคาสูง
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่าราคาสุกรตกต่อเนื่องอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีราคาลงต่ำกว่า 50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งประเมินได้ว่ามีผลขาดทุนอยู่ระหว่าง 2,500-3,000 บาท ต่อตัว ซึ่งเป็นความเสียหายที่รุนแรงมาก นับตั้งแต่ความเสียหายในช่วงผลกระทบจากหมูเถื่อนในปี 2566 โดยในช่วงนั้นมีผลขาดทุนสูงสุดถึง 3,600 บาทต่อตัว โดยการติดตามความคืบหน้าของคดี จะมีการติดตามหลังจากมีคณะรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งกระบวนการยุติธรรมและคณะรัฐบาลชุดใหม่จะต้องดำเนินการกวาดล้างอย่างจริงจัง เพราะเป็นปัญหาที่รบกวนการประกอบอาชีพการเลี้ยงสุกรของไทย
นอกเหนือจากการเจรจาเปิดตลาดนำเข้าสุกรใช้สารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐอเมริกาในกรณีของการเจรจาเพื่อลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังคงอยู่ในกระแสของการเรียกร้องและการหาข้อสรุป ซึ่งที่ผ่านมามีการให้ข้อมูลที่ความเป็นจริงแก่คณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎรถึง 3 คณะด้วยกัน และมีความคืบหน้าที่จะทำงานกันต่อเนื่องทั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่ราคาวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 นี้ ราคายืนทุกภูมิภาค
ในขณะที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและกลุ่มผู้เลี้ยงรายใหญ่ได้ข้อสรุปในการรณรงค์กิจกรรมเพื่อกระตุ้นการบริโภคและช่วยให้ราคาขยับขึ้นมีดังต่อไปนี้
1. โครงการขายหมูปลอดสารเร่งเนื้อแดง 2 กก. 100 บาท จำนวน 100,000 กิโลกรัม
2. โครงการตัดวงจรลูกสุกรทำหมูหัน 100,000 ตัว ในระยะเวลา 3 เดือน
3. โครงการเก็บหมูเข้าห้องเย็น 5,000 ตัน (5 ล้านกก.)
4. โครงการปรับลดน้ำหนักการเลี้ยงที่น้ำหนักไม่เกิน 110 กิโลกรัม
โดยภาคตะวันออกและตะวันตกจะเริ่มกิจกรรมจำหน่ายเนื้อสุกร 2 กิโลกรัม 100 บาท ในช่วงสัปดาห์หน้า โดยกิจกรรมตัดวงจรลูกสุกรทำหมูหันได้เริ่มไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ในพื้นที่ภาคตะวันออกเช่นกัน
อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นที่จับตาของบรรดาผู้เลี้ยงสุกร คือ กรณีสงครามสุกี้ ซึ่งแหล่งข่าวยังไม่ชัดเจนว่ามีการกดราคาผู้ค้าส่งชิ้นส่วนสุกรเข้าภัตตาคารหรือเปล่า ขอให้ปลายน้ำอย่าแข่งขันกันจนส่งผลกระทบต้นทางที่มีต้นทุนการเลี้ยงสูงมากขณะนี้
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศหวังเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วน ตั้งแต่กลุ่มค้าส่ง ค้าปลีก ผู้จำหน่ายเนื้อสุกร จะเริ่มกันขยับราคาขึ้นให้สะท้อนต้นทุน เพื่อลดความเสียหายของผู้เลี้ยงสุกรโดยในสัปดาห์หน้าราคาสุกรหน้าฟาร์มของทุกภูมิภาคอยู่ในระดับทรงตัว และมีแนวโน้มที่ดีในสัปดาห์ถัดไป