นมวัวไทย…ดีต่อคุณจริงหรือ? ปรมาจารย์โคนม 50 ปี ชี้แจงทุกความเข้าใจผิด

50 ปีในวงการโคนม กับความกังวลที่ต้องชี้แจง
ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผมทำงานด้านการปรับปรุงพันธุ์และโภชนาการโคนมในประเทศไทย ผมได้เห็นการพัฒนาของอุตสาหกรรมนมไทยจากจุดเริ่มต้น จนกระทั่งก้าวสู่มาตรฐานการผลิตระดับโลก ปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมนมไทยกำลังเผชิญกับคลื่นแห่งความสับสนที่เกิดจากข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์และไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเกิดความกังวลและอาจนำไปสู่การขาดสารอาหารสำคัญได้ ในฐานะนักวิชาการที่อุทิศตนเพื่อพัฒนาโคนมไทย ผมขอใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อให้สังคมไทยสามารถบริโภคนมได้อย่างมั่นใจและเข้าใจในคุณค่าที่แท้จริง
ส่วนที่ 1: ไขความจริงเรื่อง ‘นมผงละลายน้ำ’ (Recombined Milk)
นี่คือประเด็นที่ถูกบิดเบือนและสร้างความเข้าใจผิดมากที่สุดในสังคม คำกล่าวที่ว่า “นมไทยส่วนใหญ่ไม่ใช่นมแท้ แต่คือนมผงผสม” นั้น เป็นการตีความเทคโนโลยีการผลิตที่คลาดเคลื่อนและสับสนระหว่าง ชนิดของผลิตภัณฑ์ กับ คุณภาพของโภชนาการ
- นมผงคืออะไร? นมผง หรือ Milk Powder คือ น้ำนมวัวแท้ 100% ที่ผ่านกระบวนการ การทำแห้งแบบพ่นฝอย (Spray Drying) เพื่อดึงน้ำออกไปเกือบทั้งหมด วัตถุประสงค์หลักคือการยืดอายุการเก็บรักษา และความสะดวกในการขนส่ง
- คุณค่าโภชนาการ: ด้วยเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ โปรตีน แคลเซียม และวิตามินส่วนใหญ่ในนมสดจะ ถูกคงไว้ ในนมผง ทำให้เมื่อนำนมผงที่มีคุณภาพมาละลายน้ำ นมที่คืนรูป (Recombined Milk) ยังคงให้คุณค่าทางโภชนาการที่ ใกล้เคียง กับนมสด
- กฎหมายไทยแยกผลิตภัณฑ์ชัดเจน: ผลิตภัณฑ์นมในประเทศไทยถูกควบคุมโดยกฎหมายอย่างชัดเจน น้ำนมโคสด 100% (Fresh Milk) จะระบุชัดเจนบนฉลาก ขณะที่ ผลิตภัณฑ์นมคืนรูป (Recombined Milk) ก็ต้องระบุอย่างชัดเจนเช่นกัน ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อ “นมโคสดแท้ 100%” ได้ไม่ยาก เพียงแค่อ่านฉลากให้ชัดเจน
- บทบาทสำคัญของนมผง: การใช้นมผงช่วยให้สหกรณ์และโรงงานสามารถ แปรรูปน้ำนมดิบส่วนเกิน ในช่วงที่โคให้นมมาก (Peak Season) เพื่อเก็บไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลน ซึ่งช่วย รักษาเสถียรภาพ ของราคาน้ำนมดิบให้กับเกษตรกร
ส่วนที่ 2: การลงทุนทางปัญญา — นมไทยไม่ได้มาง่าย ๆ
คำกล่าวที่ว่า “นมวัวไม่ดี” นั้น เป็นการมองข้ามการทำงานหนักของวงการโคนมไทยที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
1. การปรับปรุงพันธุ์คือหัวใจของความปลอดภัย: ตลอด 72 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยใช้เทคโนโลยี การผสมเทียม (I.) เริ่มในปี พ.ศ. 2496 โดยศาสตราจารย์นิลล์ ลาเกอร์ ลอฟ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ได้เสนอโครงการผลิตโคนมลูกผสมด้วยวิธีการผสมเทียมในประเทศไทยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และ การคัดเลือกพันธุกรรม เพื่อสร้างโคที่แข็งแรง ต้านทานโรค และให้นมที่มี องค์ประกอบที่ดีขึ้น ทั้งไขมันและโปรตีน โดยกรมปศุสัตว์และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 ได้แก่ โครงการพัฒนาและผลิตพ่อโคนมพันธุ์ดี (Master Bull และ Tropical Holstein) การวิเคราะห์พันธุกรรมและทำเอกสาร Sire & Dam Summary เป็นประเทศแรกในเอเชียที่เป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์ไทย นี่คือการลงทุนเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ปัจจุบันโคนมไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเอเชียด้วยมาตรฐานการคัดเลือกที่ทันสมัยที่สุดในโลก จาก Genotype สู่ Genomics ทำให้มีความแม่นยำมากที่สุดในการคัดเลือกพันธุ์
2. TMR และโภชนาการที่แม่นยำ: ฟาร์มชั้นนำได้นำหลักการ อาหารผสมสำเร็จครบส่วน (TMR) มาใช้ เพื่อให้โคได้รับสารอาหารที่ สม่ำเสมอและสมบูรณ์ ตลอดเวลา ในส่วนนี้สำนักวิจัยทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเกษตรและอาหารทั้งภาครัฐและเอกชนได้ให้ทุนวิจัยสนับสนุนให้นักวิจัยได้ทำการศึกษาการผลิตอาหารที่มีคุณภาพสำหรับโคนมมาอย่างต่อเนื่อง คุณภาพอาหารที่แม่นยำย่อมส่งผลให้นมที่ผลิตออกมามีคุณภาพคงที่และปลอดภัยกว่า ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังส่งเสริมให้ขยายการใช้ TMR สู่ฟาร์มขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้ประเทศไทยมีความมั่นใจว่านมทุกหยดจะเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่จำเป็นต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง
3. มาตรฐานที่เข้มงวด: ในส่วนต้นน้ำที่เริ่มจากฟาร์มโคนมนั้น ขอให้มั่นใจได้ว่านมดิบของไทยอยู่ภายใต้การควบคุมคุณภาพโดยกรมปศุสัตว์และ อ.ส.ค. อย่างเข้มงวด เกษตรกรต้องส่งนมที่มีปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ (Total Plate Count) และเซลล์ร่างกาย (Somatic Cell Count) ตาม เกณฑ์มาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้ในส่วนปลายน้ำนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้กำกับดูแล ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่วางขาย โดยออก ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (เช่น ฉบับที่ 350 และ 406) ซึ่งกำหนดให้ผลิตภัณฑ์นมต้องมีคุณภาพสูงสุด เช่น ปราศจากเชื้อโรคที่ติดต่อถึงคน, ไม่มีน้ำนมเหลือง, ต้องไม่มีสารตกค้างจากยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าแมลง ในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การควบคุมที่เข้มงวดนี้ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัยของนมไทยทุกกล่อง
ส่วนที่ 3: คุณค่าที่แท้จริงของนม (มากกว่าที่คุณคิด)
การตัดสินคุณค่าของนมด้วยประเด็นใดประเด็นหนึ่งเพียงอย่างเดียวเป็นการมองข้ามคุณสมบัติที่หาได้ยากของนมวัว นมเป็นแหล่งอาหารสำคัญที่ให้สารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล ดังปรากฏในตารางข้างล่าง
ตารางคุณค่าทางโภชนาการของนมโค 1 กล่อง (200 มล.) โดยประมาณ
| สารอาหาร (Nutrient) | ปริมาณโดยประมาณ (200 มล.) | ประโยชน์หลักที่สำคัญ |
| พลังงาน | 120 – 140 กิโลแคลอรี | แหล่งพลังงานในการทำกิจกรรม |
| โปรตีนคุณภาพสูง | 6 – 8 กรัม | สร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ |
| แคลเซียม | 200 – 280 มิลลิกรัม | ดูดซึมได้ง่าย เสริมสร้างกระดูกและฟัน |
| วิตามิน D | 1 – 2 ไมโครกรัม | ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม |
| วิตามิน B2 (Riboflavin) | 0.3 – 0.4 มิลลิกรัม | ช่วยในกระบวนการสร้างพลังงาน |
| วิตามิน B12 | 0.8 – 1.2 ไมโครกรัม | บำรุงระบบประสาทและสมอง |
| โพแทสเซียม | 300 – 350 มิลลิกรัม | ควบคุมความดันโลหิตและความสมดุลของน้ำในร่างกาย |
- โปรตีนครบวงจร (Complete Protein): นมวัวมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพสูงที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะในวัยเด็กและผู้สูงอายุ ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- แคลเซียมที่ดูดซึมง่าย: แคลเซียมในนมวัวอยู่ในรูปแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ในการเสริมสร้างกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
- แลคโตสกับอาการท้องอืด: ภาวะย่อยน้ำตาลแลคโตสไม่ได้ (Lactose Intolerance) เป็นเรื่องของการขาดเอนไซม์ ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยการเลือกดื่มนมพร่องแลคโตส หรือดื่มร่วมกับอาหารอื่น ไม่ใช่การแพ้นม ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนเข้าใจผิด
สรุป: เชื่อมั่นในหลักการทางวิทยาศาสตร์
ผมขอเรียกร้องให้สาธารณชนเชื่อมั่นในงานวิจัยและกระบวนการปรับปรุงพันธุ์โคนมและการจัดการเรื่องอาหารโคนมของประเทศไทยที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้นมที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการที่จำเป็นต่อทุกช่วงวัย การตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการบริโภคอาหารที่หลากหลายและครบถ้วน โดยมี นมวัว เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างชาติที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีครับ
โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ศรเทพ ธัมวาสร อดีตอาจารย์ประจำ ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สมาคมศิษยนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์









