ข่าว (News) ข่าวประชาสัมพันธ์ (Newsletter) สัตว์เคี้ยวเอื้อง (Ruminant)

เปิดตัวแล้ว “โครงการงัวแดง” หลังคอมพานี บี ลงนาม MOU

Company B ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย ลงนาม MOU “โครงการงัวแดง” สร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้เกษตรกรไทย ลดการนำเข้าวัวนอกกว่า 2,800 ตัน/ปี พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ

บริษัท คอมพานี บี จำกัด (Company B) ประกาศความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยจัด พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) โครงการ “งัวแดง” การผลิตเนื้อโคขุนคุณภาพเพื่อทดแทนการนำเข้า และสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกร ร่วมกับสมาคมไทยบีฟมาสเตอร์แห่งประเทศไทย, สหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน,  และภาคีเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ

การลงนาม MOU ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลัก คือ ความร่วมมือในการดำเนินโครงการผลิตเนื้อโคคุณภาพเทียบเท่าสากล เพื่อสร้างความมั่นคงทางวัตถุดิบ ลดการพึ่งพาเนื้อวัวจากต่างประเทศ และสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย

“โครงการงัวแดง” ไม่ได้เป็นเพียงการจัดหาวัตถุดิบสู่ร้านอาหารเท่านั้น แต่คือพิมพ์เขียว (Blueprint) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย โดยการผสานความเชี่ยวชาญด้านสายพันธุ์ Beef Master (บีฟมาสเตอร์) เข้ากับระบบการเลี้ยงที่เหมาะสมกับภูมิอากาศไทยอย่างแท้จริงโดยมุ่งเน้นการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย

จากข้อมูลการวิจัย พบว่า ในช่วงปี 2564–2568 จำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 1.38 ล้านราย แต่ร้อยละ 96 ยังคงเป็นเกษตรกรรายย่อย โครงการงัวแดงจึงเข้ามารับซื้อเนื้อวัวใน ราคาที่เป็นธรรม และส่งเสริมการเลี้ยงด้วยมาตรฐานระดับสูง

ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 350 ราย และมีวัวที่เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 15,400 ตัว ทั่วประเทศ โดยฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15–25% ต่อปี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

โครงการงัวแดงถูกวางให้เป็นก้าวสำคัญในการลดภาระการนำเข้าของประเทศ และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนคาดการณ์ว่าในปี 2568 โครงการงัวแดงจะช่วยลดการนำเข้าเนื้อวัวได้กว่า 2,160 – 2,800 ตัน ต่อปี คิดเป็นการดึงเม็ดเงินกว่า 650 ล้านบาท กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย

อีกหนึ่งผลกระทบเชิงบวกภายใต้โครงการงัวแดงคือการช่วยสร้าง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในอุตสาหกรรมโคเนื้อไทย โดยใช้ทรัพยากรทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โดยที่วัวทุกตัวถูกเลี้ยงด้วยธัญพืชสูตรพิเศษ ซึ่งช่วยลดวัตถุดิบหลงเหลือทางการเกษตร อาทิ รำข้าว ฟางข้าว ต้นข้าวโพด กากมัน และกากปาล์ม ไปแล้วกว่า 33 ล้านตันต่อปี ปุ๋ยจากมูลวัวยังช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำดี มีธาตุอาหารครบถ้วน ส่งเสริมการเติบโตของพืชผลทางการเกษตรต่อไป
การลงนาม MOU นี้ เป็นการตอกย้ำว่า เนื้อวัวไทยคุณภาพสูงสามารถผลิตได้เองในประเทศอย่างยั่งยืน ทางบริษัทฯ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานโคเนื้อไทย พร้อมสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับเกษตรกรรายย่อยไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
Pasusart News
No.1 Livestock Online Magazine in Thailand
https://pasusart.com