RMC “Smart to Smile Farm – ฟาร์มที่มีความสุขทั้งคน หมู และชุมชน”
IN FOCUS
- เลือกสายพันธุ์ให้เหมาะสม – DANBRED โดดเด่นเรื่อง ต้นทุนต่ำ ประสิทธิภาพสูง คุณภาพซากดี
- Smart to Smile Farm – ฟาร์มที่สร้างสมดุล หมูสุขภาพดี คนงานมีความสุข ชุมชนยอมรับ
- ความท้าทายการเลี้ยงสุกร – ต้องจัดการ โรงเรือน อาหาร และสุขภาพ ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมไทย
- เลือกสายพันธุ์ให้ตรงเป้าหมาย – ศึกษาข้อมูล คำนึงถึงต้นทุน การจัดการ และตลาดระยะยาว
- 5 ปีของ DANBRED – ลูกดกขึ้น โตเร็วขึ้น คุณภาพเนื้อดีขึ้น ตลาดตอบรับดีขึ้น
สายพันธุ์ : ปัจจัยพื้นฐานของกระบวนการผลิตสุกร
สายพันธุ์เป็นพื้นฐานสำคัญของกระบวนการผลิต เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากคือ การเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมและถูกต้อง คำว่าสายพันธุ์ที่ ‘ถูกต้อง‘ สำหรับผมนั้น ไม่ได้มีความหมายตายตัว แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการให้ฟาร์มของเราเป็นอย่างไร และตลาดของเราต้องการแบบไหน ถ้าเรามุ่งเน้นให้ฟาร์มมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด สายพันธุ์ที่เลือกก็ต้องตอบโจทย์เรื่องนี้ ซึ่งเหตุผลที่ผมเลือกDANBRED ก็เพราะว่ามันให้ประสิทธิภาพการผลิตที่ดี คุณภาพซากดี และต้นทุนต่ำ
Smart to Smile Farm – ฟาร์มที่มีความสุขทั้งคน หมู และชุมชน
เป้าหมายของฟาร์ม ไม่ใช่แค่การเลี้ยงหมูให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่เป็น การสร้างสมดุลระหว่างผลกำไร ความสุขของคนและสัตว์ รวมถึงการอยู่ร่วมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
หมูมีความสุข ประสิทธิภาพการเลี้ยงดีขึ้น
- สัตว์สุขภาพดี โตไว ลดต้นทุนการรักษา
- โรงเรือนดี อากาศดี ความเครียดต่ำ ลดความเสี่ยงโรคระบบ
- อาหารและน้ำที่เหมาะสม เพิ่มคุณภาพการผลิต
คนมีความสุข ฟาร์มแข็งแกร่งขึ้น
- คนคือหัวใจของฟาร์ม ต้องมี ความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดี
- สร้างทีมที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้การจัดการฟาร์มมีประสิทธิภาพและเติบโตต่อเนื่อง
ฟาร์มอยู่ร่วมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม
- จัดการกลิ่น ของเสีย และน้ำเสียอย่างมีมาตรฐาน
- ลดผลกระทบต่อชุมชนและแหล่งน้ำธรรมชาติ
- พัฒนาระบบการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint)
ฟาร์มต้องมีกำไร แต่ไม่ใช่กำไรสูงสุด
- สร้าง “กำไรพอเพียง” ที่ดูแลคน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้
- ไม่ใช่แค่ตัวเลขสูงสุด แต่คือ “รอยยิ้มของทุกคนที่เกี่ยวข้อง”
Smart to Smile Farm คือฟาร์มที่มีความสุข หมูอยู่ดี คนงานมีความสุข ชุมชนยอมรับ สิ่งแวดล้อมถูกดูแล ใช้เทคโนโลยีและการจัดการที่ดี ให้ต้นทุนต่ำ แต่ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เป็นฟาร์มที่อยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
ความท้าทายในการเลี้ยงหมูและการปรับตัวให้เหมาะสม
“ผมมองว่าหมูก็เหมือนกับรถยนต์ สมมติว่าเรามีรถที่แรงและเร็ว แต่ถ้าอยากให้มันวิ่งได้เต็มประสิทธิภาพ เราต้องมี 2 อย่างคือ คนขับที่เก่ง และ เชื้อเพลิงที่ดี หมูก็เช่นกัน ต่อให้มีศักยภาพดี แต่ถ้าเลี้ยงไม่เหมาะสม ประสิทธิภาพก็ลดลง”
ปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงหมูให้ได้ผลดี มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา เช่น
สภาพแวดล้อมของฟาร์ม –โรงเรือนของเราเป็นแบบไหน รองรับสายพันธุ์ที่เลือกได้หรือไม่
อาหาร – ต้องปรับให้เหมาะสมกับภูมิอากาศและความต้องการของหมู
การปรับตัวของสายพันธุ์ – หมูที่มาจากเดนมาร์กโดยตรง อาจเลี้ยงยาก ต่างจากสายพันธุ์
F1 ที่เกิดในไทย ซึ่งปรับตัวได้ดีกว่า
“การปรับตัวของหมูเป็นเรื่องที่ท้าทาย” หากนำหมูจากต่างประเทศมาเลี้ยงโดยตรง ต้องคำนึงถึงเรื่อง อุณหภูมิ และ โรงเรือน ประเทศเขาอากาศหนาว ในขณะที่บ้านเราอากาศร้อน ต้องมีระบบปรับอากาศที่เหมาะสม
อาหารก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ สูตรอาหารจากต่างประเทศอาจใช้ไม่ได้ผลในไทย เพราะวัตถุดิบต่างกัน ระดับไฟเบอร์และโภชนาการก็แตกต่าง ดังนั้นเราต้องปรับให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมของเรา
สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สถานะเรื่องโรค การนำหมูจากต่างประเทศที่ปลอดโรคเข้ามาเลี้ยง ต้องมีมาตรการป้องกันโรคที่เข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสายพันธุ์ที่เราเลือกจะสามารถเติบโตและให้ผลผลิตได้ดีที่สุด
แนวทางการเลือกสายพันธุ์หมูให้เหมาะสมกับฟาร์ม
กำหนดเป้าหมายของฟาร์มก่อนเลือกสายพันธุ์
- ต้องการหมูที่มีรูปร่างสวยงาม เลือกพันธุ์ที่มีลักษณะพิเศษ เช่น สีชมพู ลายด่าง ฯลฯ
- ต้องการหมูที่ให้คุณภาพซากดี เลือกพันธุ์ที่ให้เปอร์เซ็นต์เนื้อแดงสูง
- ต้องการหมูที่ให้ลูกดก เลือกพันธุ์ที่มีอัตราการให้ลูกสูง แต่ต้องยอมรับว่าการจัดการจะซับซ้อนขึ้น
- ต้องการประสิทธิภาพการเจริญเติบโตสูง เลือกพันธุ์ที่เติบโตเร็ว และมีประสิทธิภาพการใช้อาหารดี
ศึกษาข้อมูลสายพันธุ์ให้ลึกซึ้ง
- ข้อดีข้อเสียของแต่ละสายพันธุ์ ดูว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของฟาร์มหรือไม่
- ความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของฟาร์ม สายพันธุ์บางชนิดต้องการการจัดการพิเศษ เช่น อาหาร ระบบโรงเรือน และสภาพภูมิอากาศ
- ความสามารถในการแข่งขัน ถ้าสายพันธุ์ที่เลือกทำให้ต้นทุนสูงเกินไป อาจทำให้ฟาร์มอยู่รอดได้ยาก
ความยาก-ง่ายในการเลี้ยง
- หมูที่ให้ลูกมาก ต้องมีการจัดการอาหารและสุขภาพแม่พันธุ์ที่ดีขึ้น
- หมูที่โตเร็ว ต้องการอาหารคุณภาพสูงและการจัดการที่เหมาะสม
- หมูที่ให้เปอร์เซ็นต์เนื้อแดงสูง อาจต้องดูแลเรื่องโภชนาการเป็นพิเศษ
มองการแข่งขันระยะยาว
- เลือกสายพันธุ์ที่ทำให้ฟาร์มแข่งขันได้ คำนึงถึงต้นทุน อัตราการเติบโต และความต้องการของตลาด
- ตลาดต้องการแบบไหน? ถ้าตลาดเริ่มให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อมากขึ้น ฟาร์มก็ควรปรับสายพันธุ์ให้สอดคล้อง
- เรามีศักยภาพเลี้ยงสายพันธุ์ที่เลือกหรือไม่? ถ้าการจัดการไม่ดี อาจทำให้ต้นทุนสูงและกำไรลดลง
ทุกสายพันธุ์มีข้อดี แต่ต้องเลือกให้ ตรงกับเป้าหมายของฟาร์ม และ จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เลือกตามใจชอบ แต่ต้องดูว่าฟาร์มเราสามารถเลี้ยงให้ได้คุณภาพและแข่งขันในตลาดได้หรือไม่ การเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสม จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความสำเร็จในฟาร์ม
เปรียบเทียบประสิทธิภาพของสุกรสายพันธุ์ DANBRED ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ผมได้เห็นพัฒนาการของหมู DANBRED อย่างต่อเนื่อง ตอนแรกเรามุ่งเน้นที่ ความลูกดก เป็นหลัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป มุมมองของผมเปลี่ยนไป เราเริ่มให้ความสำคัญกับ ประสิทธิภาพของหมูขุน มากขึ้น ซึ่ง DANBRED เองก็มีการปรับปรุงพันธุ์อย่างต่อเนื่อง”
- ลูกดกขึ้น ความแข็งแรงของลูก แต่ปัจจุบันเราไม่ได้โฟกัสที่จำนวนลูกมากอย่างเดียว
- อัตราการเจริญเติบโตดีขึ้น หมูโตไวขึ้น เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
- คุณภาพซากและรูปร่างของหมู (Confirmation) คือจุดที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โครงสร้างแข็งแรงขึ้น หุ่นแน่นล่ำ คุณภาพเนื้อดีขึ้น ทั้งสีของเนื้อ ปริมาณเนื้อแดง และความสม่ำเสมอ
สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณภาพของหมูปัจจุบันแตกต่างจากเดิม และช่วยให้ตลาดตอบรับดีขึ้น ราคาหมูก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นด้วย ผมมองว่านี่เป็นแนวทางที่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโดยรวม
แนวทางพัฒนาฟาร์มหมูในประเทศไทยเพื่อความยั่งยืน
ปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีโอกาสพัฒนาอุตสาหกรรมฟาร์มหมูอีกมาก โดยสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ :
ความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity)
- การจัดการโรค ต้องลดความเสี่ยงจากโรคที่แพร่ระบาดในฟาร์ม เช่น PRRS และ PED เพราะการพึ่งพายาปฏิชีวนะและวัคซีนเป็นต้นทุนที่สูง
- สุขภาพหมูต้องแข็งแรงโดยธรรมชาติ – หมูที่มีภูมิต้านทานดีจะเติบโตได้เต็มศักยภาพ และลดอัตราการสูญเสียในการผลิตได้
ระบบสารสนเทศและการจัดการฟาร์มอัจฉริยะ
- พัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูลและวิเคราะห์ผลการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการฟาร์ม เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบให้อาหารอัตโนมัติ และระบบติดตามสุขภาพหมู
ปรับปรุงตลาดและการกำหนดราคา
- ให้ความสำคัญกับคุณภาพซากและเนื้อ – ในอนาคตอุตสาหกรรมอาจต้องปรับมาตรฐานการซื้อหมูขุนราคาตามเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงและไขมัน แทนการตั้งราคาตามน้ำหนักเพียงอย่างเดียว
ลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
- จัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งแรงงาน โรงเรือน และอาหารสัตว์
- ป้องกันหมูนำเข้าจากต่างประเทศ ถ้าต้นทุนไทยยังสูงกว่าประเทศอื่น ไทยจะเสี่ยงต่อการถูกแย่งตลาด
- เกษตรกรต้องพึ่งพาตัวเองก่อนเสมอ เพราะปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายภาครัฐ หรือการนำเข้าหมูเถื่อน อาจเข้ามากระทบอุตสาหกรรมได้ทุกเมื่อ หากเราสามารถลดต้นทุนการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีในฟาร์มได้ เราจะสามารถแข่งขันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน