ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในบ้านเรามีตัวเลือกในการปรับปรุงพันธุ์ฝูงโคเนื้อค่อนข้างหลากหลาย เกิดจากการตื่นตัวและพัฒนาอย่างจริงจังของฟาร์มต้นน้ำหลายๆ แห่งที่มุ่งมั่นอยากเห็น “เนื้อไทย” มีคุณภาพไม่แพ้เนื้อนำเข้า อีกทั้งยังจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้ผลผลิตและผลตอบแทนที่คุ้มค่า
แต่ท่ามกลางตัวเลือกมากมาย “พี่กบ” หรือ คุณสิทธิพงศ์ กฤชภากรณ์ แห่ง TS FARM อาณาจักรโคเนื้อบราห์มันและบีฟมาสเตอร์เลือด 100 และยังเป็น 1 ในสมาชิกกลุ่ม 12 BREEDERS นักพัฒนาปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อแถวหน้าของบ้านเราก็มีคำแนะนำดี ๆ พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์สำหรับคนเลี้ยงโคเนื้อ พ.ศ. นี้ว่า เลือกเลี้ยงโคเนื้อแบบไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุด
เริ่มกันที่สายพันธุ์จากประสบการณ์ที่คลุกคลีกับโคเนื้อทั้ง 2 สายพันธุ์ พี่กบให้คำแนะนำว่า โคบราห์มันมีจุดเด่นที่พื้นฐานเป็นโคที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมบ้านเราที่สุด แต่ข้อด้อยคือการเลี้ยงในสภาพทั่ว ๆ ไปจะเจริญเติบโตได้ช้ากว่าโคบีฟมาสเตอร์
“โคบีฟมาสเตอร์เป็นโคที่กินง่าย กินเรื่อย ๆ ต่างจากบราห์มันที่หากไม่หิวจริง ๆ จะไม่กิน หรือถ้าเลี้ยงแบบปล่อยทุ่ง โคบราห์มันจะค่อย ๆ สำรวจแปลงหญ้าก่อนกิน แต่โคบีฟมาสเตอร์พอปล่อยจากคอกเขาก็จะเริ่มเดินกินไปเรื่อย ๆ เลย ทำให้บีฟมาสเตอร์ตอบโจทย์เจริญเติบโตได้เร็ว 14 เดือนเป็นสัด 24 เดือนคลอดลูกตัวแรกแล้ว แต่บราห์มันอย่างเร็ว 18-19 เดือน หรือถ้าตัวใหญ่มากก็จะนานกว่านั้น ประมาณ 2 ปีครึ่งถึงจะให้ลูก ต่างกันประมาณ 6 เดือน”
ซึ่งเมื่อตีเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ วัวตัวหนึ่งกินอาหารวันละ 50 บาท 6 เดือน 180 วัน แค่ต้นทุนค่าอาหารก็ต่างกัน 9,000 บาท และขณะที่โคบราห์มันเริ่มท้องแรก แต่อีกตัวคือโคบีฟมาสเตอร์เริ่มท้องที่ 2 แล้ว เพราะกลับมาเป็นสัดเร็วใน 1-2 เดือน โคบีฟมาสเตอร์จึงตอบโจทย์ทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ในแง่การปรับปรุงพันธุ์ยังทำได้เร็วกว่า เพราะช่วงเวลาในการเจริญพันธุ์รวดเร็วกว่า
อย่างไรก็ตาม ถึงตรงนี้เหมือนโคบีฟมาสเตอร์จะมีแต้มต่อเหนือกว่าทุกอย่าง แต่พี่กบบอกว่าสำหรับตนเองแล้วโคบราห์มันก็ยังมีเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหล เหมือนรักแรกที่ยากจะลืม กอปรกับเรื่องราวตำนานการพัฒนาของโคสายพันธุ์นี้ ที่สำคัญคือยังเชื่อและมั่นใจว่าสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้
ซึ่งการพัฒนาโคบราห์มันมีวิวัฒนาการไปตามยุคสมัย จากสมัยก่อนเน้นโครงสร้างสูงใหญ่ ปัจจุบันพัฒนาให้มีขนาดตัวที่เตี้ยลงหรือขาสั้นกว่าเดิม แต่มีความหนาหรือกล้ามเนื้อมากขึ้น ช่วยให้เจริญพันธุ์ได้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดหรือผู้เลี้ยงที่จะซื้อหาไปพัฒนาสายพันธุ์ต่อ โดยต้องไม่ลืมว่า “วัวสวยกับวัวที่ตอบโจทย์ทางเศรษฐกิจนั้นต่างกัน”
วัวสวยงามตามนิยามทั่วไปมักเป็นโครูปร่างใหญ่ แต่การเลี้ยงดูใช้เวลานาน ผลตอบแทนช้า และคุณภาพซากก็ไม่ดีนักเพราะกระดูกใหญ่เนื้อน้อย ต่างกับโคที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ เน้นโคขนาดกลาง เลี้ยงง่าย โตเร็ว ซึ่งจริง ๆ แล้วบ้านเราโดยส่วนใหญ่บริโภคเนื้อโคที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก สัก 600 กิโลกรัม โคขนาดกลางจึงเหมาะกับการให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
“อีกปัจจัยสำคัญที่ชี้ว่าเราจะเลี้ยงโคแบบไหน คือเราอยู่ในที่ที่มีอาหารแบบไหน ถ้าแหล่งอาหารสมบูรณ์ก็เลี้ยงโคตัวใหญ่ได้ ถ้าไม่ก็อาจเลี้ยงที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย ซึ่งจริง ๆ พื้นที่ฟาร์มที่จังหวัดกำแพงเพชรไม่ใช่แหล่งอาหารหยาบที่สมบูรณ์ ช่วงฤดูฝนยุงก็ชุกชุมมาก แต่ผมก็เลี้ยงมาได้จนเพื่อน ๆ บอกว่า วัวอะไรที่ TS FARM เลี้ยงได้ เอาไปเลี้ยงที่ไหนก็ได้”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม TS FARM 339 หมู่ 12 ตำบลคลองขลุง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร 62120
โทร. 08-1888-3358
E-mail: tsfarm39@gmail.com /line: @tsfarm /facebook: TS Farm-Brahman and Beefmaster
#TSfarm #กำแพงเพชร #12บรีดเดอร์ #บราห์มัน #บีฟมาสเตอร์ #ฟอร์ดแกร่งทุกงานเกษตร #ฟอร์ดเรนเจอร์ #สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย