ข่าว (News) ข่าวประชาสัมพันธ์ (Newsletter) สัตว์เคี้ยวเอื้อง (Ruminant)

เวียดนาม อนุมัติการส่งออกโคกระบือจากไทยแล้ว

เวียดนามไฟเขียวอนุมัติการส่งออกโคกระบือจากไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ถึง 23 กันยายน 2566 ลอตแรก 14 ฟาร์ม 7,000 ตัว มูลค่ากว่า 295 ล้านบาท

นายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีและโฆษกกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เจ้าหน้าที่กรมสุขภาพสัตว์ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเข้าศึกษาดูงานด้านโคเนื้อภายในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2565 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเข้าโคกระบือมีชีวิตจากไทยไปยังเวียดนาม เป็นเวลากว่า 6 เดือนที่หน่วยงานภาครัฐของไทยและเวียดนาม ได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขอนามัยพืชและสัตว์ รวมถึงขั้นตอนการกักกันสัตว์ การตรวจโรค และการรับรองสุขภาพสัตว์ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับแจ้งจากฝ่ายเวียดนาม อนุมัติให้ฟาร์มโคกระบือของไทยที่ได้แจ้งความประสงค์จะส่งออกโคกระบือมีชีวิตเพื่อการบริโภค สามารถส่งออกจากไทยไปยังเวียดนาม จำนวนทั้งสิ้น 14 ฟาร์ม คิดเป็นปริมาณจำนวนโคกระบือทั้งสิ้นกว่า 7,000 ตัว ประมาณการมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 295 ล้านบาท โดยประกาศดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ถึง 23 กันยายน 2566 ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีต่อเกษตรกรไทยที่สามารถขยายตลาดการส่งออกโคกระบือมีชีวิตไปยังต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยต่อไป

โดยมีเงื่อนไขประกอบการส่งออกโคและกระบือมีชีวิตไปยังเวียดนาม ประกอบด้วย

1. ต้องเป็นโคกระบือ ที่เกิด หรือ เลี้ยงในประเทศไทยอย่างน้อย 2 เดือน เลี้ยงในฟาร์มปลอดโรค ปากและเท้าเปื่อย ที่กรมปศุสัตว์รับรอง และได้รับวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยอย่างน้อย 14 วัน ระบุวันฉีดในเอกสารแนบใบรับรองสุขภาพสัตว์

2. โคกระบือไม่แสดงอาการของโรคลัมปี สกิน และได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน ลัมปี สกิน ระหว่าง 2 เดือน ถึง 1 ปีที่คอกกักกันสัตว์ ระบุวันฉีดในเอกสารแนบใบรับรองสุขภาพสัตว์เอกสารแนบใบรับรองสุขภาพสัตว์

3. ต้องผ่านการสุ่มตรวจสารเร่งเนื้อแดง เบต้าอะโกนิสต์ ด้วยวิธี strip test 2 ครั้ง ในอัตราร้อยละ 5 ต่อการขนส่ง โดยครั้งที่ 1 ตรวจก่อนขึ้นรถบรรทุกที่คอกกักสัตว์ และครั้งที่ 2 ก่อนออกจากประเทศไทยที่ด่านกักกันสัตว์ชายแดน ระบุ วันที่ตรวจในเอกสารแนบใบรับรองสุขภาพสัตว์

4. ปลอดโรคแท้งติดต่อและวัณโรค 1 ปี ผ่านการตรวจโรค และ ให้ผลลบ ก่อนส่งออก

5. สัตว์ต้องได้รับการพ่นยาฆ่าแมลงด้วยสารไพรีทรอยด์สังเคราะห์ 7 วันก่อนส่งไปยังเวียดนาม

6. โคกระบือทุกตัวต้องติดเบอร์หูเพื่อระบุตัวตนและตรวจสอบย้อนกลับได้

7. ต้องได้รับการกักและสังเกตอาการอย่างน้อย 28 วันที่คอกกักกันสัตว์

8. ขอใบรับรองสุขภาพสัตว์ (Veterinary Health Certificate) ของกรมปศุสัตว์ที่ลงนามโดยเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์และตราประทับ

9. บันทึกการควบคุมการขนส่งระหว่างไทยและลาว (Minute of movement control) โดยระบุจำนวนโคและกระบือ หมายเลขปิดผนึกของไทยและลาว และทะเบียนรถที่ใช้ในการขนส่งจากลาวไปเวียดนาม

10. อยู่ในรายชื่อฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อยที่กรมปศุสัตว์ส่งรายชื่อและกรมสุขภาพสัตว์เวียดนามให้การยอมรับ โดยระบุที่อยู่และจำนวนสัตว์อย่างชัดเจน

11. ในการส่งออกแต่ละครั้ง ทันทีที่ส่งสัตว์ออก กรมสุขภาพสัตว์เวียดนามให้ด่านกักกันสัตว์ที่ส่งออกสแกนเอกสารใบรับรองสุขภาพสัตว์และแจ้งข้อมูลผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยกรมสุขภาพสัตว์เวียดนามจะดำเนินการให้นำเข้าเฉพาะสัตว์ที่กรมปศุสัตว์แจ้งผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิส์เท่านั้น

ทั้งนี้กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักด้านสุขภาพสัตว์ และความปลอดภัยด้านสินค้าปศุสัตว์ ได้ดำเนินงานในการตรวจสอบ ควบคุม และกำกับดูแลกระบวนการผลิตสินค้าปศุสัตว์ ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ฟาร์มถึงโรงเชือดชำแหละและแปรรูป เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้บริโภคสินค้าปศุสัตว์ที่ปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศคู่ค้า ในกระบวนการผลิตสินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทย จากการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ด้วยความเข้มงวดต่อเนื่องมาโดยตลอดทำให้ได้รับการยอมรับจากประเทศคู่ค้าหลายประเทศทั่วโลก โดยในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิตโคเนื้อ กรมปศุสัตว์มีการสนับสนุน ควบคุมและกำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานการเลี้ยงโคเนื้อตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ให้เป็นไปตามมาตรฐานฟาร์มปลอดโรค (GFM) มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ (GAP) รวมไปถึงการรับรองฟาร์มปลอดการใช้สารเร่งเนื้อแดง ตลอดจนมาตรฐานโรงฆ่าสัตว์และสินค้าปศุสัตว์ เพื่อสร้างความมั่นใจและดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

Pasusart News
No.1 Livestock Online Magazine in Thailand
https://pasusart.com