การรับมือสถานการณ์ ASF ในเรื่องของการป้องกันโรค นับเป็นประเด็นสำคัญที่เกษตรกรควรเรียนรู้และเตรียมความพร้อม เมื่อเร็วๆ นี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดงานสัมมนาสัญจรขึ้น ณ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.สุรินทร์ ภายใต้หัวข้อ “หลังเว้นวรรค…จะกลับมาอย่างไรให้ปลอดภัย?” เพื่อปูพื้นฐานที่เข้มแข็งให้กับเกษตรกรรายย่อยพร้อมกลับเข้ามาในระบบและทำการเลี้ยงหมูอีกครั้ง เป็นส่วนหนึ่งของการคลี่คลายสถานการณ์หมูหายไปจากระบบเป็นจำนวนมาก ด้วยสาเหตุของโรคระบาดที่เกิดขึ้น
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุว่างานดังกล่าวได้รับความร่วมมือด้วยดีจากบริษัทผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งมีประสบการณ์ในการถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรคอนแทรคฟาร์มมิ่งของบริษัทปลอดภัยจากโรคระบาดได้สำเร็จ และยังคงเลี้ยงหมูป้อนตลาดได้จนถึงปัจจุบัน ส่งผู้แทนนักวิชาการของบริษัทร่วมถ่ายทอดเทคนิคความรู้ดังกล่าว ร่วมกับ ผศ.น.สพ.คัมภีร์ กอธีระกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านสุกรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน
ทั้งนี้ มาตรการป้องกันโรคดังกล่าว ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การพิจารณาข้อมูลระดับจังหวัด โดยทำการโซนนิ่งพื้นที่เสี่ยงแล้วแบ่งออกเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่
1.) พื้นที่เสี่ยงสูง หรือ เขตโรคระบาด
2.) พื้นที่เฝ้าระวัง หรือติดกับเขตโรคระบาด และพื้นที่เสี่ยงต่ำ หรือพื้นที่นอกเขตเฝ้าระวัง จากนั้นเจาะลึกลงไปในพื้นที่เสี่ยงสูง หรือ เขตโรคระบาด แล้วแบ่งออกเป็น 3 ส่วนอีกครั้ง ดังนี้ ส่วนพื้นที่วิกฤต ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด
3.) พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด วัดตามระยะห่างจากจุดเกิดโรค 1 กม., 5 กม., และมากกว่า 5 กม. ตามลำดับ
ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือระยะห่างจากฟาร์มอื่นที่เกิดโรคในรัศมี 1-5 กิโลเมตร ต้องทำการแยกวิธีป้องกันโดย แบ่งโซน แยกคน แยกรถ งดกิจกรรม และตรวจติดตาม ควบคู่การลงรายละเอียดถึง 15 ข้อ อาทิ แยกเขตที่พักอาศัยกับเขตเลี้ยงสัตว์ให้ชัดเจน อาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเข้าเขตเลี้ยงสัตว์ เปลี่ยนรองเท้าบู๊ท-จุ่มฆ่าเชื้อ แยกรองเท้าใส่ภายนอก เจ้าของฟาร์มต้องซื้ออาหารจากแหล่งปลอดโรคที่มีมาตรฐาน ห้ามรถภายนอกเข้าฟาร์ม ให้รถส่งอาหารสัตว์มาเพียงเดือนละ 1 ครั้ง และพักอาหาร 24 ชม. พ่นยาฆ่าเชื้อรถทุกคันก่อนเข้าฟาร์ม ป้องกันสัตว์พาหะทุกชนิด ใช้น้ำบาดาลในการเลี้ยงสุกร พ่นยาฆ่าเชื้อรอบประตูโรงเรือน โรยปูนขาวบนถนนและพื้น บ่อทิ้งซากใช้งานได้จริง ไม่นำซากสุกรออกนอกฟาร์ม ติดตั้ง CCTV หน้าฟาร์ม หน้าห้องอาบน้ำและในโรงเรือน เป็นต้น โดยทั้งเจ้าของฟาร์มและคนงานต้องใส่ใจปฏิบัติอย่างเคร่งคร้ด ห้ามมิให้หละหลวมตกหล่นแม้แต่ข้อเดียว
อนึ่ง มาตรฐานฟาร์มสุกรในระบบไบโอซีเคียวริตี เป็นทางเดียวที่จะป้องกัน ASF ได้ เนื่องจากยังไม่มียาหรือวัคซีนสำหรับโรคนี้ และถือว่าเป็นพื้นฐานของระบบการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์มที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งประกอบด้วย การเลี้ยงสุกรในโรงเรือนระบบปิด ป้องกันสัตว์พาหะทั้งหนู นก แมลงต่างๆ โดยวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาใช้ภายในฟาร์มไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ หรืออื่นๆ จะมีการตรวจสอบย้อนกลับไปถึงแหล่งที่มา ซึ่งทุกฟาร์มจะรับจากแหล่งที่ปลอดภัยเท่านั้น ทั้งยังต้องควบคุมรถขนส่งเข้า-ออกฟาร์มอย่างเข้มงวด รถทุกคัน-พนักงานทุกคนต้องผ่านระบบฆ่าเชื้อ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคนหรือพาหนะนั้นๆ จะไม่เป็นพาหะนำเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์ม รวมถึงการกำหนดจุดส่งมอบสุกรที่แยกจากฟาร์ม ทั้งหมดนี้ทำให้ยืนยันได้ในความปลอดภัยของกระบวนการผลิตสุกรเพื่อส่งมอบอาหารที่ปลอดภัยสู่ผู้บริโภค