เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีภูเขาสูง อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลายคนโปรดปราน มีพืชพรรณที่เป็นเอกลักษณ์หลากหลายชนิด เพาะปลูกด้วยวิถีธรรมชาติไม่มีสารเคมีตกค้าง ได้แก่ มะขามหวาน อโวคาโด้ และอื่นๆ อีกหลายชนิดส่งไปยังผู้บริโภคในเมืองหลวง ดังนั้นที่กล่าวถึงทั้งหมดนี้ คือ “จังหวัดเพชรบูรณ์” นั่นเอง
นอกเหนือจากพืชผักที่มีความปลอดภัยและรสชาติดีแล้ว ยังมีผลผลิตด้านปศุสัตว์ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างเช่น การเลี้ยงหมูดำแบบปล่อยท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ไอดิน และกลิ่นหมอก ด้วยความลงตัวของธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุ ประกอบกับการเลี้ยงแบบวิถีธรรมชาติโดยการใช้สมุนไพรแทนการใช้ยาปฏิชีวนะจึงได้ “หมูดำ เพ็ด-ซะ-บูน” ที่ให้เนื้อคุณภาพสูง นุ่ม เส้นใยเนื้อมีความละเอียดอุ้มน้ำ มีวิตามินบีสูง คอเลสเตอรอลต่ำ ไขมันดีสูง และเนื้อมีความหอมแตกต่างจากเนื้อสุกรทั่วไป
ด้วยเอกลักษณ์เหล่านี้ เกษตรกรกลุ่มหนึ่งที่เห็นคุณค่าของ “หมูดำ เพ็ด-ซะ-บูน” จึงรวมตัวก่อตั้ง “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงหมูขุนวิถีธรรมชาติ เพื่อความยั่งยืน” ขึ้น เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดสิ่งดีๆ จากธรรมชาติ ส่งถึงมือผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ต้องการดูแลสุขภาพพร้อมกับส่งต่อสิ่งเหล่านี้ไปยังคนที่คุณรักและห่วงใย ปรารถนาให้ได้รับแต่สิ่งดีๆ เหมือนกัน
เอ๊ะ!!! Story หมูดำ เพ็ด-ซะ-บูน เกิดขึ้นได้อย่างไร
จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและปัญหาราคาหมูผันผวน ผนวกกับปัญหาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 เป็นต้นมาจนถึงทุกวันนี้ ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยจังหวัดเพชรบูรณ์ประสบปัญหาภาวะขาดทุนต่อเนื่อง จึงรวมตัวกันปรึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายดังนี้
1. ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาสุกรตกต่ำ เนื่องจากพ่อค้าคนกลางหรือเขียงหมูกดราคาซื้อหน้าฟาร์มต่ำแล้วนำไปขายในราคาที่สูงกว่า
2. ต้องการลดต้นทุนในการเลี้ยงสุกรลง
3. ต้องการสร้างความแตกต่างด้านสายพันธุ์และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดเพชรบูรณ์
กว่าจะเป็น “หมูดำ เพ็ด-ซะ-บูน”
สำหรับการสร้างสายพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อย่าง หมูดำ เพ็ด-ซะ-บูน มีสายพันธุ์ตั้งต้น คือ
1. หมูดำเชียงใหม่
2. หมูพันธุ์เบิร์กเชียร์
3. หมูพื้นเมืองเพชรบูรณ์ (หมูกระโดน)
ประโยชน์ที่ได้รับ คือ
1. กลุ่มเกษตรกรมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ภายใต้แบรนด์ “หมูดำ เพ็ด-ซะ-บูน”
2. มีร้านค้าจำหน่ายเป็นของตนเอง โดยมีจุดเด่นคือผลิตภัณฑ์เนื้อหมูดำสดจากการเลี้ยงด้วยวิถีธรรมชาติ
3. ราคาและขบวนการต่างๆ ต้องสอดคล้อง และยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย
4. พืชไร่ทางการเกษตรที่มีอยู่ในท้องถิ่น สามารถนำมาปรับใช้เป็นอาหารได้
การจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงหมูขุนสุกรวิถีธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน ที่เป็นเอกลักษณ์ภายใต้แบรนด์ “หมูดำ เพ็ด-ซะ-บูน” มีแนวทางการปฏิบัติดังนี้
1. สายพันธุ์ต้องเป็นเอกลักษณ์
2. สุกรที่เลี้ยงจะต้องเลี้ยงง่ายมีราคาสูง คุณภาพเนื้อดี มีความแตกต่างปลอดภัยไร้สารเร่งเนื้อแดงและสารเคมีตกค้าง
3. การเลี้ยงจะต้องเป็นไปแบบวิถีธรรมชาติ คือ เลี้ยงในทุ่งหญ้าและน้ำที่สะอาด พืชผลทางการเกษตรที่มีอยู่ในท้องถิ่นสามารถนำมาปรับใช้ในสูตรอาหารได้
4. ลดการใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์โดยการใช้สมุนไพรแทน
5. มีโรงเชือดสุกรที่ถูกต้องตามกฎหมาย
6. มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์และร้านค้าจำหน่าย เพื่อรองรับสินค้าจากกลุ่มเกษตรกร
เห็นได้ว่า “หมูดำ เพ็ด-ซะ-บูน“ (BLACKHOG PHETCHABOON) ไม่ใช่แค่การเลี้ยงแบบวิถีธรรมชาติหรือเลี้ยงแบบปล่อยทุ่งหญ้า (Free-range) แต่เป็นอาชีพของเกษตรกรที่รวมคุณค่าระหว่างสัตว์ที่เลี้ยง ธรรมชาติวิถีและชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้อย่างลงตัว เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรที่มีคุณภาพสูง สดสะอาด ปลอดภัยจากยาปฏิชีวนะและสารเร่งเนื้อแดง ถึงมือผู้บริโภคต่อไป
ขอขอบคุณ : กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการเลี้ยงหมูขุนวิถีธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน
494 ถ.เพชรเจริญ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000
โทร. 096-669-5366 / FB : Blackhog phetchabun / Line : 0825031429