นายสมควร สิงห์คำ นายอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ลงนามหนังสือแจ้งเตือนเกษตรกร เฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ในช่วงฤดูฝน เข้าสู่ฤดูหนาว (ปลายฝนต้นหนาว) โดยประกาศระบุเรื่องว่า ประกาศแจ้งเตือนเกษตรกรเพื่อประชาสัมพันธ์ เฝ้าระวังโรคสัตว์ในช่วงฤดูฝน เข้าสู่ฤดูหนาว
เนื่องจากสภาพอากาศฝนตก อากาศชื้นและเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้สัตว์ป่วยได้ง่าย อีกทั้งพบการเกิดโรคในบางพื้นที่ จึงขอแจ้งแนวทางการเฝ้าระวังโรคดังนี้
1.โรคลัมปีสกิน เกิดจากเชื้อไวรัสติดเชื้อจากการมีแมลงดูดเลือดจำพวกเหลือบริ้นเป็นสัตว์พาหะ สัตว์จะแสดงอาการไข้สูงและมีเม็ดตุ่มทรงกลมกระจายขึ้นที่ผิวหนัง แนะนำหากพบอาการเริ่มแรกใช้ยาลด การอักเสบ (ฟลูนิซิน) ยาแก้แพ้ (คลอเฟนิรามีน) และยาปฏิชีวนะ (ออกซี่เตตร้าไซคลิน) ต่อเนื่อง 3 วัน และวิตามิน เอดี3อี สัปดาห์ละครั้ง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโดยสามารถฉีดได้ทุกช่วงอายุ และกระตุ้นปีละ 1 ครั้ง ร่วมกับพ่นยาควบคุมแมลงดูดเลือด แนะนำใช้ยากลุ่มไซเปอร์เมทริน (ไซพาส) หรือเดลต้าเมทริน ฉีดพ่นช่วงเวลาเย็นทุก 2 สัปดาห์
2.โรคคอบวม หรือเฮโมรายิกเซฟติกซีเมีย เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย pastuerella multocida ที่อยู่บริเวณทางเดินหายใจส่วนต้นของสัตว์ หากเกิดความเครียดหรือสภาพอากาศที่ชื้นต่อเนื่องก็จะก่อโรคได้ โดยสัตว์จะมีไข้ เดินเกร็งขาและคอ กินอาหารลำบาก และเสียชีวิตและเวลารวดเร็ว (ปกติภายใน 2-3 วัน) ความรุนแรงของโรคจะพบในกระบือมากกว่าโค
หากพบอาการแนะนำให้ยาลดอักเสบลดไข้ (ฟลูนิซิน) เข้าทางเส้นเลือดจะฟื้นตัวไว ยาปฏิชีวนะที่ไวต่อเชื้อในขณะนี้คือเซฟติโอฟอร์ (เอกซีดเซฟติออ,นาโอเซฟ) ต่อเนื่อง 3-5 วัน เข้าทางกล้ามเนื้อ (แนะนำให้ใช้เข็มยาวอย่างน้อย1นิ้วครึ่ง ฉีดกล้ามเนื้อบริเวณสามเหลี่ยมสะโพก) ร่วมกับการพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณคอกเพื่อลดปริมาณเชื้อในสิ่งแวดล้อม การป้องกันโรคที่ดีที่สุดจะต้องฉีดวัคซีนป่องกันโรคโดยเริ่มฉีดที่อายุ 4 เดือน และกระตุ้นปีละ 1 ครั้ง สัตว์ที่ตายจะมีการบวมเน่าเร็วผิดปกติและห้ามทำการเปิดผ่าซาก ห้ามชำแหละจำหน่ายจ่ายแจกเนื้อเนื่องจากจะทำให้โรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ระมัดระวังการซื้อหรือย้ายสัตว์จากแหล่งโรค
3.โรคปากและเท้าเปื่อย เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อจากการสัมผัสหรือนำพาเชื้อเข้าฟาร์มจากการเคลื่อนย้าย หรือการไปในแหล่งที่เสี่ยงการติดเชื้อ โดยสัตว์จะแสดงอาการน้ำลายไหลมากผิดปกติ เมื่อเปิดปากอาจพบแผลที่ปาก กระพุ้งแก้ม หรือลิ้น สัตว์เดินลักษณะเหมือนขาเจ็บเนื่องจากมีบาดแผลบริเวณไรกีบ สัตว์จะกินอาหารลำบากหรือไม่กินเนื่องจากเจ็บปาก
รักษาโดยให้ยาลดอักเสบลดไข้ (โทลฟีดีน/ฟลูนิซิน/บิวทาซิล) และยาปฏิชีวนะ (เพนไดเสตรป/ออกซี่เตตร้าไซคลิน) ความรุนแรงจะพบในกลุ่มลูกสัตว์ที่จะพบคือการตายเฉียบพลันจากภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากโรคทำให้เกิดการอักเสบและเกิดเนื้อตายที่กล้ามเนื้อหัวใจ แม่ตั้งท้องสามารถแท้งลูกได้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนเริ่มฉีดที่อายุ 3-4 เดือน และกระตุ้นทุก 6 เดือน ควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ ระมัดระวังการเข้าออกฟาร์ม การซื้อวัวควายเข้าฟาร์มที่ไม่ทราบประวัติวัคซีนควรแยกจากฝูงก่อนเพื่อทำวัคซีนให้ครบก่อนนำเข้าฝูง
4.การสูญเสียจากสัตว์หรือแมลงมีพิษ แนะนำให้เกษตรกรเก็บกวาดสิ่งของที่จะเป็นแหล่งอาศัยสัตว์มีพิษบริเวณคอก พ่นยาไล่แมลงสามารถใช้กลุ่มยาไซเปอร์เมทริน หรือใช้ผงกำมะถันโรยบริเวณรอบๆคอก
5.ปัญหาอัคคีภัย ให้เกษตรกรระมัดระวังการสุมไฟบริเวณคอก ที่ใกล้วัตถุ/วัสดุไวติดไฟ ซึ่งอาจใช้การจุดไฟในวงท่อเพื่อป้องกันการลามของเปลวไฟ
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน






